สาระหน้ารู้

เห็ด
          จัดเป็นพืชจำพวกเชื้อรา(Fungi) ในอดีตคนมักจะมองและคิดถึงเห็ดในลักษณะ ที่ไม่ปลอดภัย ลึกลับและน่ากลัวเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ไม่มีคลอโรฟีล สังเคราะห์แสงเองไม่ได้อาศัยอาหารจากอินทรีย์วัตถุเช่นซากพืชหรือสิ่งมีชีวิตอื่น การเจริญเติบโตของเห็ดเริ่มจากสปอร์ (Spore) ที่อยู่บริเวณครีบดอกปลิวไปตกบนบริเวณที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสม สปอร์ก็จะเจริญเป็นเส้นใย เส้นใยเหล่านี้จะรวมตัวกันมากขึ้นและเจริญพัฒนาเป็นกลุ่มก้อนเกิดเป็นดอกเห็ดบนพื้นดิน บนต้นไม้ ขอนไม้ ซากพืช มูลสัตว์ ฯลฯ

          แต่ก่อนไม่มีใครกล้านำเห็ดมาปรุงอาหารรับประทาน เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีอันตรายหรือไม่ เมื่อวิทยาการเจริญมากยิ่งขึ้น จึงสามารถนำเห็ดมาปรุงอาหารที่เอร็ดอร่อยมาก เดิมทีเป็นการเก็บเห็ดจากธรรมชาติมารับประทานซึ่งต้องอาศัยการสังเกตเป็นอย่างมาก เนื่องจากเห็ดในธรรมชาติมีทั้งที่ รับประทานได้และรับประทานไม่ได้(มีพิษ) แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก ทำให้เราสามารถนำเห็ดที่รับประทานได้ รสชาติดี มาเพาะเลี้ยงในถุงพลาสติกซึ่งเป็นกระบวนการเพาะแบบเลียนแบบธรรมชาติ ขั้นตอนการผลิตมีความสะอาด ปลอดภัยจากเชื้อโรค และสามารถเพาะเห็ดได้หลายชนิด เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรมเป๋าฮื้อ เห็ดขอนขาว เป็นต้น

         โดยใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราเป็นวัสดุหลักบางแห่งอาจใช้วัสดุอื่นทดแทนได้ เช่นฟางข้าวไส้นุ่น ชานอ้อยหรือหญ้าป่นละเอียด และวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรทุกชนิด เนื่องจากเห็ดเป็นพืชที่มีรสชาดอร่อยโปรตีนสูง สามารถนำไปประกอบหรือปรุงอาหารได้หลายชนิดเป็นที่นิยมของผู้บริโภคจึงเหมาะที่จะนำไปเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นอาชีพหลัก หรืออาชีพเสริมได้ ปัจจุบันนี้ เห็ดเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกในรูปลักษณ์ของอาหารและยา มีความสำคัญทั้งในแง่ของ สิ่งแวดล้อมต่อชีวิตมนุษย์และอื่นๆเกือบทุกด้าน

ทั่วโลกมีผู้ผลิตยาจากเห็ดประมาณ 162,000 ล้านบาท และเป็นการผลิตเห็ดเพื่อการบริโภคเป็นมูลค่า 675,000 ล้านบาท

           ในประเทศไทยมีการเพาะเห็ดหลายชนิดด้วยกัน ได้แก่ เห็ดฟาง เห็ดหูหนต่าง ๆ เช่น เห็ดหูหนูขาว เห็ดหูหนูบาง เห็ดหูหนูเผือก เห็ดตระกูลนางรม เช่น เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดนางฟ้าภูฐาน เห็ดนางนวล เห็ดนางรมฮังการี ระบบนิเวศวิทยาของเห็ด (สำเภา ภัทรเกษวิทย์,2546) การเจริญเติบโตของเห็ดต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น ความชื้น อากาศ อุณหภูมิ แสง สภาพความเป็นกรด-ด่างของแหล่งอาหาร

เราแบ่งเห็ดตามความเป็นอยู่เป็น 3 ประเภท คือ
1.ประเภทกินอยู่กับอินทรียวัตถุ เป็นเห็ดที่ขึ้นอยู่กับซากพืช ซากสัตว์เป็นพวกย่อยสลายซากพืช
2.ประเภทกินอยู่กับต้นพืชและแมลง เช่นเห็ดหิ้ง เห็ดหลินจือ
3.ประเภทอาศัยอยู่กับรากพืช เป็นราที่อาศัยแบบพึ่งพากัน

ส่วนต่าง ๆ ของเห็ด
1.หมวก (Cap or pilleus) เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนสุด มีรูปร่างต่าง ๆ กันเช่น โค้งนูน รูปกรวยรูปปากแตร รูประฆัง ผิว บนหมวกต่างกัน เช่น ผิวเรียบ ขรุขระ มีขนเกล็ด มีสีแตกต่างกันและอาจมีการเปลี่ยน แปลงได้

2.ครีบ (Gill or lamelta) อาจเป็นแผ่นหรือซี่บาง ๆอยู่ใต้หมวกเรียงเป็นรัศมี หรือเป็นรู (Pores) ครีบเป็นที่เกิดของ สปอร์

3.ก้าน (Dtalk or stipe) ปลายข้างหนึ่งของก้านยึดติดกับดอก หรือหมวกเห็ด มีขนาด รูปร่าง สี ต่างกันในแต่ละ ชนิด บางชนิดไม่มีก้าน เช่นเห็ดหูหนู เห็ดเผาะ

4.วงแหวน (Ring or annulus) เป็นส่วนที่เกิดจากเยื่อบาง ๆ ที่ยึดขอบหมวก กับก้านดอกที่ขาดออกจากหมวกเห็ดบาน

5.เปลือกหรือเยื่อหุ้มดอก (Vova outer veil) เป็นส่วนนอกสุดที่หุ้มหมวก และก้านไว้ภายในขณะที่ยังเป็นดอกอ่อน จะแตกออกเมื่อ ดอกเริ่มบาน ส่วนของเปลือกหุ้มจะยังอยู่ที่โคน
foxyform


ประโยชน์ของเห็ดชนิดต่างๆ
เห็ดมีอยู่มากมายหลายชนิด ทั้งชนิดที่กินได้และกินไม่ได้ เห็ดเป็นพืชที่หาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่แพง จะปลูกเองก็ได้วิธีการปลูกไม่ยุ่งยาก สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายชนิด ให้ทั้งความอร่อยและคุณค่าทางอาหารสูง ทั้งโปรตีน เกลือแร่ วิตามินและใยอาหาร ช่วยเสริมสร้างร่างการและช่วยในการขับถ่าย เห็ดที่นิยมรับประทานกันมีมากมายหลายชนิด มาดูกัน...ว่ามีเห็ดที่นิยมรับประทานกันในประเทศไทยมีอะไรบ้าง

1. เห็ดฟาง
เป็นเห็ดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดและนิยมมากที่สุดในประเทศไทย เพราะเพาะง่าย ราคาไม่แพง มีขายทั่วไป อีกทั้งยังนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย เห็ดฟางนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งโปรตีน วิตามินซีและใยอาหาร สามารถช่วยลดการติดเชื้อ ช่วยสมานแผล ป้องกันเลือดออกตามไรฟันหรือโรคลักปิดลักเปิด โรคเหงือกอักเสบ บำรุงตับและช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย ในเห็ดฟาง 100 กรัม จะให้พลังงานทั้งหมด 35 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 3.2 กรัม ไขมัน 0.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม แคลเซียม 8 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม เหล็ก 1.1 มิลลิกรัมและวิตามินซี 7 มิลลิกรัม
2. เห็ดนางฟ้า
เป็นเห็ดยอดนิมอีกประเภทหนึ่ง ราคาไม่แพง มีขายทุกที่ มีรสชาติอร่อย สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด นอกจากคุณค่าทางอาหารมากมายเหมือนเห็ดทั่วๆไปแล้ว เห็ดนางฟ้ายังช่วยป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้นและช่วยป้องกันโรคกระเพาะอีกด้วย
3. เห็ดหอม
เห็ดหอมเป็นเห็ดเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการบริโภคสูง รสชาติอร่อย มีกลิ่นหอมและมีคุณค่าทางอาหารสูง นอกจากนี้เห็ดหอมยังมีสรรพคุณทางยามากมายอีกด้วย เช่น ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันโลหิต ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง เนื่องจากมีแคลเซี่ยมสูง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการไข้หวัด ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็งอีกด้วย นอกจากนี้เห็ดหอมยังมีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 สูง เหมาะสำหรับชดเชยโปรตีนจากเนื้อสัตว์สำหรับผู้นิยมรับประทานอาหารมังสวิรัติ
4. เห็ดเข็มทอง
เห็ดเข็มทองเป็นเห็ดที่มีแหล่งกำเนิดในเขตหนาวเช่นประเทศจีน ญี่ปุ่น อเมริกาและออสเตรเลีย ลักษณะที่สังเกตได้ง่ายคือหมวกเห็ดรูปร่างกลม มีขนาดเล็กก้านยาวเรียว เกิดรวมกันเป็นกลุ่ม ถึงแม้รูปร่างลักษณะจะเล็ก แต่ว่าทั้งรสชาติ คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณทางยาไม่ได้เล็กเลยนะครับ เพราะช่วยรักษาโรคตับ โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง เนื่องจากมีสาร flammulin ในปริมาณสูง
5. เห็ดหูหนู
เป็นเห็ดที่นิยมปลูกมากอีกชนิดหนึ่ง เพราะปลูกง่าย ขายได้ราคาดี นำมาประกอบอาหารได้เกือบทุกชนิด ให้รสชาติที่อร่อยและรับประทานง่าย ดอกเห็ดมีลักษณะเป็นแผ่นวุ้น คล้ายหูของหนู จึงได้ชื่อว่าเห็ดหูหนู เห็ดหูหนูนอกจากจะรับประทานอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ทางยามากมายอีกด้วย เช่น มีธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซีและโปรตีนสูง ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน ช่วยบำรุงกระเพาะ สมอง หัวใจ ปอดและตับ กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ยับยั้งการเกิดมะเร็งและรักษาอาการริดสีดวง เป็นต้น
6. เห็ดโคน
เห็ดโคนเป็นเห็ดหายากอีกประเภทหนึ่ง มักขึ้นอยู่ในป่า รสชาตินั้นเป็นที่รู้กันว่าอร่อยกว่าเห็ดประเภทอื่นๆ เมื่อประกอบกับการหารับประทานยากแล้ว เห็ดโคนจึงมีราคาสูงพอสมควร เห็ดโคนนั้นสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย มีคุณค่าทางวอาหารสูง มีสรรพคุณทางยาที่ดีไม่แพ้เห็ดประเภทอื่น เช่น ช่วยบำรุงสมอง ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ รักษาโรคริดสีดวงทวาร ช่วยเจริญอาหาร ยับยั้งเชื้อไทฟอยด์ได้ดี
7. เห็ดนางรม
เป็นเห็ดขนาดกลางๆ โดยจะเจริญเติบโตเป็นช่อๆคล้ายใบพัด เห็ดนางรมจะมีมีสีขาวอมเทา มีสรรพคุณทางยามากมายเช่น บำบัดอาการปวดและชาตามร่างกาย แขนขา ช่วยขยายหลอดเลือดและอาการเอ็นยึด ยังยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานดีขึ้น ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ปรับความดันโลหิตและความเข้มข้นของไขมันในเลือด เป็นต้น
8. เห็ดภูฏาน
เป็นเห็ดในตระกูลเห็ดนางรม รูปร่างลักษณะคล้ายเห็ดนางรมมาก รับประทานได้ มีรสชาติอร่อย เจริญเติบโตได้เร็วมาก มีสรรพคุณทางยาเหมือนเห็ดนางรม
9. เห็ดขอน
เป็นเห็ดอีกประเภทหนึ่งที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายเห็ดนางรม แต่ดอกจะบางและเหนียวกว่า มีกลิ่นหอม นิยมรับประทานกันมากในภาคอีสานและภาคเหนือ นอกจากคุณค่าทางอาหารที่สูงเหมือนเห็ดทั่วไปแล้ว สรรพคุณทางยายังมีมากมายอีกด้วย กล่าวคือ ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง แก้ไขพิษและช่วยระบบขับถ่ายทางานดีขึ้น ยับยั้งการเติบโตเซลล์มะเร็ง สามารถลดไขมันในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานและผู้ติดเชื้อ HIV ได้
10. เห็ดแครง
เห็ดแครงเป็นเห็ดขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายพัด เพาะง่ายแต่มีราคาแพงพอสมควร ปัจจุบันเกษตรกรนิยมเพาะขายกันมากขึ้น เป็นเห็ดที่ให้ธาตุอาหารสูง และยังช่วยแก้อาการระดูขาวหรือตกขาว ยับยั้งอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
11. เห็ดตีนแรด
เห็ดตีนแรดเป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีเนื้อมาก รสชาติอร่อย สามารถเก็บไว้ได้นาน นำไปประกอบเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น แกงใส่ผักชะอม ผัดใส่หมู ผัดน้ำมันหอย นึ่งจิ้มน้ำพริกข่า ต้มยำ หรือจะนำไปทำเป็นอาหารเจหรือมังสวิรัติก็ได้ สรรพคุณทางยาของเห็ดตีนแรดคือ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตทำงานดีขึ้น ลดอาการขับเหงื่อที่มากเกินไปจากการใช้ยา ฟื้นฟูพลังบรรเทาอาการกระเพาะอักเสบ
12. เห็ดเป๋าฮื้อ
เห็ดเป๋าฮื้อเป็นเห็ดตระกูลเดียวกับเห็ดนางฟ้าและนางรม มีถิ่นกำเนิดและได้รับความนิยมสูงในประเทศจีนและไต้หวัน ประเทศไทยสามารถเพาะได้ดีเช่นกันในทุกภาคและทุกฤดูกาล เห็ดเป๋าฮื้อจะมีสีคล้ำ เนื้อเหนียวหนาและนุ่มอร่อยคล้ายเนื้อสัตว์มาก สามารถป้องกันโรคหวัด ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น ช่วยแก้อาการโรคกระเพาะและป้องกันโรคมะเร็ง เห็ดเป๋าฮื้อนิยมนำมาทำยาตำรับจีน
13. เห็ดยานางิ
เห็ดยานางิหรือเห็ดโคนญี่ปุ่น เป็นเห็ดอีกชนิดหนึ่งที่มีมีผู้นิยมบริโภคมาก ราคาไม่แพงมาก รับประทานง่าย สามารถนำมาประกอบอาหารได้เกือบทุกประเภท ให้โปรตีนและใยอาหารสูง มีสรรพคุณทางยาที่ดี เช่น ช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการหดหู่ ลดอาการหงุดหงิด ช่วยทำให้ม้ามแข็งแรงและลดอาการท้องเสีย
14. เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญญอง
เห็ดชนิดนี้มีรูปร่างคล้ายกระดุมที่มีขนาดใหญ่ รสชาติดี สามารถหาซื้อได้ทั้งแบบสดและแบบบรรจุกระป๋อง มีสรรพคุณทางยาคือ ช่วยในการย่อยอาหาร ความดันโลหิตสูง ช่วยยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ช่วยลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม ช่วยให้แม่มีน้ำนมมากขึ้น ช่วยลดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในร่างกายได้
15. เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือจัดเป็นเห็ดที่เจริญเติบโตดีในธรรมชาติ มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากมาย ทั้งคุณค่าทางโภชนาการ ใช้ผสมในเครื่องสำอางค์และสรรพคุณทางยาสูง ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี ทั้งเรื่องโรคกระเพาะ โรคแผลในลำไส้ ท้องผูก อาหารไม่ย่อย ริดสีดวง ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการโรคความดันโลหิตสูงและต่ำ โรคเบาหวาน ลดคลอเลสเตอรอลในเลือด บรรเทาอาการไขข้ออักเสบ ต่อต้านเซลล์มะเร็งและยืดชีวิตผู้ป่วยเอดส์เนื่องจากเชื่อไวรัส HIV ช่วยรักษาอาการโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังและโรคหัวใจ เป็นต้น
16. เห็ดตับเต่า
นายโทรโข่งได้ยินชื่อเห็ดตับเต่าครั้งแรกจากเพลงมนต์รักลูกทุ่ง ที่บรมครูไพบูลย์ บุตรขัน แต่งให้คุณไพลวัลย์ ลูกเพชร ขับร้องจนโด่งดังไปทั่วประเทศ แต่ไม่เคยเห็นรูปร่างลักษณะมาก่อน เมื่อมาค้นข้อมูลดูจึงพบว่าเจ้าเห็ดตับเต่านี่ มีประโยชน์ร้ายกาจมาก เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี ดับพิษร้อน บรรเทาอาการปวดชาตามแขนขา ตามกระดูกและเส้นเอ็น ลดอาการอาการระดูขาว หยุดการเติบโตและต่อต้านเนื้อร้ายหรือเซลล์มะเร็ง
17. เห็ดเผาะ
เป็นเห็ดชื่อแปลก รูปร่างแปลก ไม่น่ากินเอาเสียเลย แต่กลับมีรสชาติอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ ลักษณะจะเป็นเห็ดรูปร่างกลมๆ เล็กๆ สีน้ำตาลถึงดำ เนื้อในมีสีขาวน่ากิน เนื้อกรอบเคี้ยวกรุบๆอร่อยมาก สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลาย ทั้งแกง ทั้งต้ม ทั้งยำ มีสรรพคุณทางยาคือ ช่วยบำรุงร่างกาย ชูกำลังและแก้ช้ำใน หยุดการไหลของเลือด (ช่วยให้เลือกแข้งตัวเร็ว) ช่วยสมานแผล ลดอาการบวม ลดอาการคันนิ้วมือนิ้วเท้าและช่วยลดไข้อาการร้อนใน

ประโยชน์เหลือร้ายจริงๆ  สำหรับเห็ดประเภทต่างๆที่เราคุ้นเคยและรับประทานกันอยู่เป็นประจำ เป็นแหล่งโปรตีนที่อร่อย หาง่ายและราคาถูก มีกากใยอาหารมาก ช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี ใครที่ต้องการเสริมโปรตีนชั้นดีให้กับร่างกายหรือมีอาการท้องผูกบ่อยๆ แนะนำเลย.. จัดหนักๆ รับรองว่าระบบขับถ่ายของท่านจะกลับมาทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม 
foxyform

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น